3 กลยุทธ์หลักเตรียมพร้อมระบบเครือข่ายในอนาคตให้องค์กรคุณ
เนื่องจากองค์กรจำนวนมากยังคงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) อย่างต่อเนื่องในอัตราเร่งที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อช่วยให้การปรับปรุงเครือข่ายขององค์กรทันต่อการเปลี่ยนแปลง และให้แน่ใจว่าเครือข่ายขององค์กรคุณพร้อมรองรับ ตอบสนองทุกความต้องการทางธุรกิจและไอทีอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
Cisco ได้ออกแบบพอร์ตโฟลิโอเครือข่ายซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่สมบูรณ์ ด้วยกลยุทธ์หลัก 3 ประการ ที่เรียกว่า “Secure Agile Networks Powered by Cisco Catalyst Full Stack” เป็นการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพ การรักษาความปลอดภัยได้อย่างมั่นใจ และสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ ดังต่อไปนี้
1. Reimagine Connectivity
ในปัจจุบันเราเผชิญกับความท้าทายมากมายในการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย เพราะพนักงานที่กระจายตัวมากขึ้นและอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้น Cisco พัฒนาโซลูชันเพื่อช่วยให้ผู้นำด้านไอทีรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ เพื่อตอบโจทย์สำหรับการเชื่อมต่อจากทุกที่ (Connect from Anywhere) ทั้งผ่านเครือข่ายแบบมีสายหรือไร้สาย โดยมีส่วนประกอบ ดังนี้
- Access Points
ที่รองรับ Wi-Fi 6 ที่ให้การรับส่งข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น และประหยัดการใช้พลังงาน - Access Switches
ที่รวมการเชื่อมต่อทั้งแบบมีสายและไร้สายเข้าด้วยกันเพื่อลดความซับซ้อนของการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ปรับปรุงความปลอดภัย และสามารถ Scale ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ - Core and Distribution Switches
อุปกรณ์หลักที่เป็นศูนย์รวมและกระจายการเชื่อมต่อเพื่อการทำงานที่คล่องตัว ต้นทุนที่ต่ำลง ความปลอดภัยที่ดีขึ้น และความสามารถในการ Scale ได้ง่ายขึ้น - Wireless Controllers
ตัวควบคุม Access Point ที่ทำให้สามารถจัดการได้แบบ Centralize Management ง่ายต่อการใช้งานและตั้งค่า รวมถึงสามารถ Monitor การใช้งานระบบ Wireless ได้อีกด้วย - Edge Platform Devices
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อระหว่างระบบภายในองค์กรออกไปยัง Internet, Branches, Cloud และ Datacenter ที่ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชันและการเชื่อมต่อระบบที่มีความยืดหยุ่นและปลอดภัย - Industrial Network Devices
อุปกรณ์เครือข่ายที่ใช้งานในระบบอุตสาหกรรม อุปกรณ์ไร้สายและ IoT ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ ให้ความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม
2. Reinforce Security
นอกจากเรื่องการเชื่อมต่อแล้ว ยังมีความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายองค์กรที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งประกอบด้วย Highly Distributed Apps, Hybrid Workers และ Internet of Things (IoT) และอุปกรณ์อื่น ๆ
การวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวสำหรับรายงานแนวโน้มภัยคุกคามความปลอดภัยทางไซเบอร์ปี 2021 และในขณะที่เราพบภัยคุกคาม 4 ประเภท ได้แก่ Crypto Mining, Phishing, Ransomware และ Trojans เป็นภัยคุกคามที่ใช้งานได้ง่ายที่สุด เพื่อป้องกันสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนในปัจจุบันจากการโจมตีประเภทนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาความปลอดภัยเครือข่าย สำหรับผู้ใช้และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้งาน แอปพลิเคชัน บริการ และข้อมูล
- Cisco Umbrella
นำเสนอการรักษาความปลอดภัยที่ยืดหยุ่นบนคลาวด์ด้วยฟังก์ชันที่หลากหลายในโซลูชันเดียว จึงสามารถขยายการป้องกันไปยัง Devices, Remote Users และ Distributed Location Anywhere - Identity Services Engine (ISE)
สำหรับการ Authentication และกำหนดสิทธิ์การใช้งานแบบอัตโนมัติ ช่วยลดความยุ่งยากในการรักษาความปลอดภัย และเพิ่มขีดความสามารถในการทำ Software-Defined Network และ Network Segmentation - Cisco Secure Network Analytics พร้อม Encrypted Traffic Analytics
เป็นระบบที่สามารถค้นหาและบรรเทาภัยคุกคามได้เร็วกว่าที่เคยเป็นมา แม้ว่าจะได้รับการเข้ารหัส - Cisco Cyber Vision
สามารถรักษาความปลอดภัยให้กับระบบควบคุมอุตสาหกรรมและอุปกรณ์ IoT ได้ ทำให้มั่นใจได้ถึงความต่อเนื่องในการผลิต มีความยืดหยุ่น และความปลอดภัย
3. Redefine Automation
ในท้ายที่สุด ควรมีการตั้งเป้าหมายที่สร้างเครือข่ายองค์กรที่คล่องตัว ปลอดภัย และต้องใช้รูปแบบการทำงานที่ช่วยให้ทีมของคุณสามารถจัดการเครือข่ายที่ซับซ้อนในปัจจุบันให้ดียิ่งขึ้น
เพื่อรองรับรูปแบบการดำเนินงานนี้ คุณต้องมี Infrastructure ที่สามารถทำให้การจัดการเครือข่ายแบบโดยอัตโนมัติด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (ML) นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นข้อมูลเชิงลึกแบบ end-to-end จากการวิเคราะห์ข้อมูลอุปกรณ์ ผู้ใช้ และแอปพลิเคชันทั่วทั้งเครือข่าย ดังนี้
- Cisco DNA Center
เป็นตัวควบคุมเครือข่ายและแดชบอร์ดที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้ใช้เวลาน้อยลงในการจัดการเครือข่าย ให้การทำงานอัตโนมัติและเวิร์กโฟลว์ที่ทำให้การจัดการเครือข่ายง่ายขึ้น เพิ่มขีดความสามารถและมีความคล่องตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการบังคับใช้นโยบายทั่วทั้งเครือข่ายแบบมีสายและไร้สาย นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่ปรับปรุงด้วย AI และ ML เพื่อปรับปรุงการมองเห็นให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น - Cisco vManage
ช่วยปรับปรุงและทำให้การจัดการเครือข่ายเป็นไปโดยอัตโนมัติด้วย Cisco SD-WAN ช่วยลดความยุ่งยากและปรับขนาดการเชื่อมต่อมัลติคลาวด์ และสามารถไปใช้ Framework การรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ที่ยืดหยุ่นได้ อย่างเช่น Secure Access Service Edge (SASE) - ThousandEyes
สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพการใช้งานไปบนอินเทอร์เน็ตและบริการคลาวด์ รวมถึงภายในเครือข่ายองค์กร - Cisco DNA Spaces
ใช้ข้อมูลจากอุปกรณ์จริงเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถให้ระบบทำงานได้อย่างปลอดภัย ชาญฉลาด และราบรื่น - Cisco Catalyst 9000 Series และ Cisco Catalyst 8000 Edge Platforms
ที่สามารถติดตั้ง Application Hosting รวมถึงการรองรับ Docker Apps - Cisco DevNet
จะมีชุดเครื่องมือต่างๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการตั้งโปรแกรมและระบบอัตโนมัติให้กับเครือข่าย ซึ่งรวมถึง Application Programming Interface (API) ที่รองรับ third-party อื่นๆ อีกด้วย
สำหรับท่านใดที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสนใจในบริการ ติดต่อแทนเจอรีนเพื่อรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้เลย
แทนเจอรีนได้การรับรองจาก Cisco ในระดับ Gold Partner Certified
และมีผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับ Cisco Certification ในระดับ CCIE มากกว่า 10 ท่าน
ทำให้ลูกค้าทุกท่านสามารถมั่นใจได้เลยว่า จะได้รับการบริการจากแทนเจอรีนที่มีประสิทธิภาพกลับไปอย่างแน่นอน
หากคุณสนใจบริการต่างๆ หรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติมติดต่อเรา
ได้ที่ marketing@tangerine.co.th หรือ โทร 02 285 5511
ท่านจะได้รับคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
Share on social media
Supakorn.V
Network Presales
Related Solution
Protected: Google Workspace
There is no excerpt because this is a protected post.
All and More
- All
- Apigee
- Application Development
- Business Transformation
- Cisco
- Converged Infrastructure
- Data Analytics
- Dell EMC
- Dell Technologies
- Dialogflow (Chatbot)
- Event
- G Suite
- Google Cloud
- Google Cloud Platform
- Google Maps Platform
- Google Workspace
- Highlight
- Huawei
- Hybrid Cloud & Multi Cloud
- Knowledge
- Networking
- Productivity & Work Transformation
- Security
- Smart Business Analytics & AI
- Storage & Data Protection
- Success Story
- Tenable
- Thales
- VMware
- All
- Apigee
- Application Development
- Business Transformation
- Cisco
- Converged Infrastructure
- Data Analytics
- Dell EMC
- Dell Technologies
- Dialogflow (Chatbot)
- Event
- G Suite
- Google Cloud
- Google Cloud Platform
- Google Maps Platform
- Google Workspace
- Highlight
- Huawei
- Hybrid Cloud & Multi Cloud
- Knowledge
- Networking
- Productivity & Work Transformation
- Security
- Smart Business Analytics & AI
- Storage & Data Protection
- Success Story
- Tenable
- Thales
- VMware
Data Studio Tips! จะรู้ได้อย่างไรว่าใครควรใช้ Data Studio ในองค์กรเราบ้าง?
หลายองค์กรเริ่มมีการปรับตัวมาใช้ Business Intelligence แทนที่ Google Sheets หรือ Excel ในมุมของการทำ report กัน โดยมักจะใช้ Data Studio สำหรับทำ Dashboard เนื่องจากฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายแล้ว ยังใช้งานง่ายตอบโจทย์ธุรกิจค่อนข้างครบถ้วน ซึ่งเราก็ต้องการที่จะ Build ให้องค์กรของเราใช้ Dashboard ที่ทางทีม BI สร้างมาให้กับทุกคน แต่คำถามต่อมาคือเราจะทราบได้อย่างไรว่าใครในองค์กรเราใช้ Data Studio กันบ้างล่ะ วันนี้ทาง Tangerine มีทริคดีๆ มาเล่าให้ฟังกัน
Smart Workplace Technology: ตัวช่วยในการทำงานแบบ Hybrid ให้ดียิ่งขึ้น!
หลาย ๆ องค์กร ต้องต้องปรับตัวเข้ากับการทำงานแบบ Hybrid Work ทั้ง Work From Home หรือ Work From Anywhere เนื่องจากสถานการณ์บังคับจากเหตุการณ์แพร่เชื้อโควิด แต่อย่างไรก็ตามปัญหาที่ตามมาคือ เกิดการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร และการมีส่วนร่วมของคนในองค์กร (Engagement) ที่ลดน้อยลงอย่างชัดเจน สิ่งที่องค์กรต้องเตรียมพร้อมคือ การสร้าง Hybrid Workplace (แบ่งการทำงานทั้งที่ออฟฟิศและที่บ้าน) เพื่อรองรับรูปแบบที่เปลี่ยนไป และรองรับวิกฤตการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง
เตรียมรับมือภัยร้าย BlackByte Ransomware ให้องค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
นับตั้งแต่รัฐบาลได้เริ่มออกมาตรการล็อกดาวน์ องค์กรต่าง ๆ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสนับสนุนให้สามารถทำงานได้จากระยะไกลหรือการทำงานที่บ้าน ในจุดนี้เองจึงทำให้องค์กรจะต้องมีพื้นฐานการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ออกเป็นสองกลุ่ม ดังนี้
เสริมการปกป้อง Virtual Environment ด้วย Workload Security
ในช่วงที่ผ่านมาเรามักจะได้ยินข่าวการโจมตีข้อมูลภายในองค์กร หรือการเรียกค่าไถ่ข้อมูล โดยที่ Hacker จะหาช่วงโหว่ต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงข้อมูลในศูนย์ข้อมูลขององค์กร แล้วสร้างความเสียหายกับระบบงานทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ และเรียกค่าไถ่จากองค์กรเพื่อให้ข้อมูล หรือระบบกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ในกรณีที่มีการสำรองข้อมูลไว้ก็จะช่วยให้กู้คืนข้อมูลกลับมาใช้งานได้ แต่อาจจะไม่ใช่ข้อมูลล่าสุด
รู้จักกับ BigLake ส่วนผสมที่ลงตัวของ Data Lake และ Data Warehouse
นับตั้งแต่โลกให้ความสนใจกับ Big Data คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินคำว่า Data Lake นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีมานานกว่า 10 ปีแล้ว หากให้ย้อนเวลาพาท่านผู้อ่านกลับไปราว ๆ 20 ปีก่อนที่ Data Lake จะเกิดขึ้น เราคงคุ้นเคยกับคำว่า “การทำเหมืองข้อมูลหรือ Data Mining” เสียมากกว่า นั่นคือยุคแรกที่เราเริ่มขุดเหมืองเพื่อหา Insight กัน