BLOGS

‘AI-First Colab’ สมรภูมิใหม่ของ Data Scientist

Thakorn.T • 06/06/2025
Google Cloud Solutions Specialist
AI-First Colab

วันนี้ผมจะมาขอเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำงานด้าน Data Science และ Machine Learning ที่ Data Scientist หลาย ๆ ท่านน่าจะคุ้นเคยกันดี ซึ่งก็คือ “Google Colab” กับการเป็น AI-First ครับ

จาก Colab ฟรี สู่ Colab Pro: การเดินทางของ Jupyter Notebook บนคลาวด์

หลาย ๆ ท่านที่ทำงานด้าน Data Science หรือ Machine Learning น่าจะคุ้นเคยกับ Jupyter Notebook เป็นอย่างดีใช่ไหมครับ มันเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเขียนโค้ด ทดสอบ วิเคราะห์ข้อมูล และนำเสนอผลลัพธ์ได้อย่างครบวงจรในที่เดียวแล้ว Google ก็ได้นำแนวคิดนี้มาพัฒนาต่อยอดเป็น Google Colaboratory หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า Colab ครับ เริ่มแรก Colab เปิดให้ใช้งานได้ฟรี เพียงแค่มีบัญชี Gmail เราก็สามารถเข้าถึง Jupyter Notebook ที่รันอยู่บน Cloud ได้ทันที ผ่าน colab.research.google.com ไม่ต้องตั้งค่าอะไรให้ยุ่งยากเลย ทำให้ Colab กลายเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการเรียนรู้ การทดลอง และการทำโปรเจกต์ส่วนตัว

Colab: แพลตฟอร์มที่ทุกคนเข้าถึง AI ได้ฟรี และก้าวไปอีกขั้นด้วยพลัง AI

ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2017 Google Colab ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การเริ่มต้นเขียนโปรแกรม Python เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน ผู้คนกว่า 7 ล้านคน รวมถึงนักเรียนนักศึกษา ใช้ Colab เพื่อเข้าถึงทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังได้ฟรี โดยไม่ต้องติดตั้งหรือจัดการซอฟต์แวร์ใด ๆ เลย มันเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเรียนรู้ Machine Learning, การวิเคราะห์ข้อมูล และการศึกษา

แต่เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น ผู้ใช้งานบางส่วนเริ่มต้องการทรัพยากรที่มากขึ้น เช่น GPU ที่เร็วขึ้น หรือ RAM ที่เยอะขึ้น สำหรับการเทรนโมเดลขนาดใหญ่ Google จึงได้ออก Colab Pro และ Colab Pro+ มาตอบโจทย์ตรงนี้ครับ โดย Colab Pro จะให้ Compute Units และเข้าถึง GPU ที่เร็วกว่า ในขณะที่ Colab Pro+ จะให้ทรัพยากรที่มากขึ้นไปอีก รวมถึงความสามารถในการรัน Notebook ในเบื้องหลังได้นานขึ้นด้วย

และด้วยความก้าวหน้าของ AI Colab ก็ยิ่งดีขึ้นไปอีกครับ Google ได้ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ AI ใน Colab เช่น การเติมโค้ดอัตโนมัติ (code completions), การสร้างโค้ดจากภาษาธรรมชาติ (natural language to code generation) และแม้กระทั่ง Chatbot ผู้ช่วยเขียนโค้ด โดย Colab จะใช้ Codey ซึ่งเป็นโมเดลโค้ดที่สร้างขึ้นบน PaLM 2 ของ Google Codey ถูกปรับแต่งมาเป็นพิเศษสำหรับ Python และการใช้งานเฉพาะของ Colab ด้วยครับ

ปัญหาคลาสสิกของทีม Data Science ที่ Colab Enterprise เข้ามาช่วยแก้

ก่อนที่เราจะไปถึง Colab Enterprise ผมอยากจะชวนคุยถึงปัญหาคลาสสิกที่ทีม Data Science มักเจอครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตั้งค่าสภาพแวดล้อมในการทำงาน (Environment Setup) ที่บางทีก็ปวดหัวใช่เล่น ไหนจะเรื่องการควบคุมเวอร์ชัน (Version Control) ความปลอดภัย (Security) และการขยายขนาดทรัพยากรคอมพิวท์ (Scaling Compute Resources) อีก ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่ผมเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนเลยครับ

Colab Enterprise: การยกระดับสู่ระดับองค์กร

แม้ Colab ปกติจะยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่ Google ก็ได้พัฒนา Colab Enterprise ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การทำงานในระดับองค์กรโดยเฉพาะ Colab Enterprise นั้นยังคงคุณสมบัติเด่นของ Colab เดิมไว้ ทั้งการทำงานร่วมกัน (Collaborative) ที่มีฟังก์ชัน Commenting, Co-editing และ Versioning และความเป็น Serverless ที่ช่วยให้เราเริ่มต้นใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องมานั่งบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานเองให้ปวดหัว

แต่ที่ Colab Enterprise แตกต่างออกไปคือ “Enterprise Ready” ครับ นั่นหมายความว่ามันมาพร้อมกับความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ Google Cloud และที่สำคัญคือ Colab Enterprise ถูกสร้างขึ้นบน Vertex AI ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Machine Learning แบบครบวงจรของ Google Cloud ครับ

Colab Enterprise เหมาะกับการใช้งานแบบไหน ?

ผมมองว่า Colab Enterprise ตอบโจทย์การใช้งานจริงในหลาย ๆ สถานการณ์เลยครับ

Interactive Data Exploration & Analysis: ช่วยให้เราวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ใน BigQuery, Cloud Storage, หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
Machine Learning Model Development: ตั้งแต่การทำ Feature Engineering ไปจนถึงการฝึกโมเดลและประเมินผล ทั้งหมดนี้ทำได้ภายใน Notebook Interface ที่คุ้นเคย
Prototyping & Experimentation: สามารถทดสอบไอเดียและ Algorithm ใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องตั้งค่าที่ซับซ้อน
Team Collaboration on AI Projects: ผู้ใช้งานหลายคนสามารถทำงานในโปรเจกต์เดียวกันได้ ทำให้มั่นใจในความสอดคล้องและเร่งการพัฒนาให้เร็วขึ้น
Creating Reproducible AI Pipelines: สร้างและแชร์ Notebooks ที่สามารถรันและทำซ้ำได้ง่าย ๆ โดยคนอื่น ๆ

ความแตกต่างของ Colab Enterprise กับเวอร์ชันอื่น ๆ

Colab Enterprise มีโมเดลการคิดค่าใช้จ่ายแบบ Pay-for-what-you-use ซึ่งต่างจาก Colab Pro และ Pro+ ที่เป็นแบบ Subscription แต่จุดเด่นที่ทำให้ Colab Enterprise เหนือกว่าคือ:
Integrated: ผสานรวมกับบริการต่าง ๆ ของ Google Cloud เช่น BigQuery และ Vertex AI ได้อย่างแนบแน่น

Enterprise Notebook Storage: สามารถเก็บ Notebooks ใน GCP Console ได้เลย ไม่ต้องใช้ Google Drive ซึ่งช่วยเรื่องความปลอดภัยและการจัดการที่ดีขึ้น

Productive: มาพร้อมกับ Generative AI ที่ช่วยในการเขียนโค้ดและเติมเต็มโค้ดให้เราได้อีกด้วย

ฟีเจอร์เด็ด ๆ ใน Colab Enterprise ที่เสริมศักยภาพให้ทีม Data

สิ่งที่ทำให้ Colab Enterprise ยิ่งโดดเด่นคือฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ผสานรวมเข้ากับ Google Cloud Platform (GCP) ได้อย่างลงตัวครับ

Notebook Gallery: คิดซะว่าเป็นแหล่งรวมแรงบันดาลใจของเราเลยครับ ที่นี่มีคอลเลกชันของ Notebooks และ Tutorial ที่ Google Cloud เตรียมไว้ให้ มีประโยชน์มาก ๆ สำหรับการเริ่มต้นใช้งานบริการใหม่ ๆ หรือเรียนรู้ Best Practices และดูตัวอย่างการใช้งานจริง

Runtimes: นี่คือหัวใจสำคัญเบื้องหลังการทำงานครับ Runtimes คือสภาพแวดล้อมการประมวลผล (CPU, GPU, RAM) ที่ใช้รันโค้ดใน Notebook ของเราจริง ๆ ใน Colab Enterprise เราสามารถจัดการ Runtimes ได้ เพื่อให้มั่นใจว่าเรามีพลังประมวลผลที่เหมาะสมกับงาน ตั้งแต่การสำรวจข้อมูลเบา ๆ ไปจนถึงการเทรนโมเดลหนัก ๆ

Runtime Templates: สำหรับทีมขนาดใหญ่หรือ Workflow ที่เป็นมาตรฐาน Templates พวกนี้ช่วยได้เยอะเลยครับ มันคือการตั้งค่า Runtime ล่วงหน้าที่บันทึกไว้ เพื่อให้ทุกคนในทีมใช้การตั้งค่าเดียวกัน ลดความผิดพลาดในการตั้งค่าและประหยัดเวลา

Executions: เคยไหมครับที่อยากรัน Notebook โดยไม่ต้องเปิดมันขึ้นมาเอง ? Executions ช่วยให้เราสามารถรัน Notebook ในลักษณะที่ไม่ต้องมีการโต้ตอบ (Non-interactive) และเป็นแบบอัตโนมัติ เหมาะมากสำหรับ Batch Processing, รายงานที่ต้องรันตามกำหนดเวลา หรือการเทรนโมเดลที่ใช้เวลานาน ๆ โดยไม่ต้องผูก Session การทำงานของเราไว้

Schedules: ต่อเนื่องจาก Executions ครับ Schedules ช่วยให้เรากำหนดเวลาให้ Notebook รันโดยอัตโนมัติ จะให้รันทุกวัน ทุกสัปดาห์ หรือตามช่วงเวลาที่เรากำหนดก็ได้ ฟีเจอร์นี้ทรงพลังมากสำหรับ Data Pipeline ที่ต้องรันซ้ำ ๆ การทำรายงานอัตโนมัติ หรือการ Retrain โมเดลเป็นช่วง ๆ ตั้งค่าครั้งเดียวแล้วลืมไปได้เลยว่างานของเราจะรันอย่างน่าเชื่อถืออยู่เบื้องหลัง

AI-First Colab: พลิกโฉมการเขียนโค้ดด้วย Agentic AI

ล่าสุดที่งาน Google I/O Google ได้ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ของ Colab ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็น “AI-First” อย่างแท้จริง Colab ใหม่นี้ถูกออกแบบมาให้เป็น “คู่หูการเขียนโค้ดที่แท้จริง” (true coding partner) ด้วยความสามารถของ Agentic Collaborator ที่เข้าใจโค้ดปัจจุบัน การกระทำ ความตั้งใจ และเป้าหมายของคุณ การผสานรวมอย่างลึกซึ้งนี้จะช่วยให้คุณแก้ปัญหาการเขียนโค้ดที่ท้าทายที่สุดได้เร็วขึ้นกว่าเดิม และยังช่วยลดอุปสรรคสำหรับใครก็ตามที่ต้องการสำรวจและดึงข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลของพวกเขา

Colab AI สามารถทำงานได้ทั่วทั้ง Notebook ให้การตอบสนองที่แม่นยำยิ่งขึ้น ดำเนินการข้ามหลายเซลล์ และโต้ตอบในลักษณะที่มีความหมายเพื่อช่วยให้คุณสร้างสรรค์ผลงานได้เร็วขึ้น การเขียนโค้ดเป็นประสบการณ์แบบวนซ้ำและร่วมมือกัน และ Colab ก็ถูกออกแบบมาให้เป็นเช่นนั้น คุณสามารถออกคำสั่งสั้น ๆ ใช้ Prompt เพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงแนวคิดของคุณ และทำงานร่วมกับ Agent ได้อย่างแท้จริง

ความสามารถหลักของ AI-First Colab เพื่อเร่ง Workflow ของคุณ

Colab ซึ่งขับเคลื่อนโดย Agentic assistance ที่ใช้ Gemini 2.5 Flash มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ทรงพลังมากมาย:

1. Iterative Querying (การสอบถามแบบวนซ้ำ): คุณสามารถพูดคุยกับ AI ของ Colab ได้ง่าย ๆ เหมือนคุยกับเพื่อนร่วมงานเลยครับ

สั่งให้สร้างหรือปรับโค้ด: ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันเล็ก ๆ โค้ดพื้นฐาน (boilerplate) หรือแม้แต่การปรับโครงสร้างโค้ดทั้ง Notebook
ปรึกษาเรื่อง Python Libraries: อยากรู้ว่า Library ไหนทำอะไรได้บ้าง หรือขอตัวอย่างการใช้งาน AI ก็พร้อมตอบ โดยดูจากบริบทของงานคุณ
แก้บั๊กให้อัจฉริยะ: ฟีเจอร์ยอดนิยมของ Colab ตัวนี้ฉลาดขึ้นไปอีก ! เมื่อเจอข้อผิดพลาด Colab จะแนะนำวิธีแก้ให้ใน Notebook ทันที พร้อมแสดงส่วนที่เปลี่ยนแปลงให้คุณเห็นชัด ๆ

2. ผู้ช่วย Data Science อัจฉริยะ (Next-Generation Data Science Agent – DSA): DSA ที่เปิดตัวไปแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 จะช่วยให้คุณสำรวจข้อมูล เจาะลึกการวิเคราะห์ และค้นพบข้อมูลเชิงลึกได้ดียิ่งขึ้น ตอนนี้ DSA ได้รับการอัปเกรดและผสานรวมเข้ากับประสบการณ์ AI ของ Colab อย่างสมบูรณ์แบบครับ

วิเคราะห์ไฟล์ได้ละเอียด: ให้ Colab ตรวจสอบไฟล์ที่คุณอัปโหลดหรือไฟล์ที่มีอยู่แล้ว และลงลึกในการวิเคราะห์ข้อมูล
ทำงานวิเคราะห์ได้อัตโนมัติ: สั่งให้ DSA เริ่มต้นเวิร์กโฟลว์การวิเคราะห์ได้ทั้งกระบวนการ ! DSA จะวางแผน เขียนโค้ด รันโค้ด วิเคราะห์ผลลัพธ์ และนำเสนอสิ่งที่ค้นพบให้คุณเอง
ควบคุมได้แม้ AI กำลังทำงาน: คุณยังคงเป็นผู้ควบคุมครับ ! สามารถให้คำแนะนำระหว่างที่ AI กำลังทำงาน เพื่อปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขกระบวนการวิเคราะห์ให้ตรงกับเป้าหมายของคุณที่สุด

3. แปลงโค้ดได้ง่าย ๆ (Effortless Code Transformation): ถ้าคุณต้องการปรับเปลี่ยนโค้ดที่มีอยู่ เพียงแค่บอกว่าอยากให้แปลงแบบไหน Colab ก็จะหาโค้ดที่เกี่ยวข้องและแนะนำการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นให้ดูในรูปแบบ Diff ที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย 

4. วิธีคุยกับ AI ที่หลากหลาย (Flexible Interaction): Colab มีหลายช่องทางให้คุณโต้ตอบกับ AI ครับ:

– กล่องตรงกลาง (Center Stage Box): สำหรับคำสั่งสั้น ๆ หรือการทำงานใน Notebook เพียงแค่คลิกไอคอน Gemini (ที่เป็นรูปประกายไฟ) ที่อยู่ตรงแถบเครื่องมือด้านล่าง
แผงด้านข้าง (Side Panel): สำหรับการพูดคุยที่ซับซ้อนและยาวขึ้น เพื่อให้มีพื้นที่ตรวจสอบและปรับปรุงได้มากขึ้น

ก้าวต่อไปของ Colab: AI-First Development

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ และอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการสร้าง Colab ที่เน้น AI เป็นหลัก ซึ่งจะทำให้การทำงานง่ายขึ้นและทรงพลังยิ่งขึ้น Google วางแผนที่จะนำความสามารถที่มากขึ้น เวิร์กโฟลว์ที่ได้รับการปรับปรุง และ Agents เพิ่มเติมเข้ามาอีกในอนาคต จากการผสานรวม Gemini ก่อนหน้านี้ที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าใน Colab การปรับโฉมใหม่ที่เน้น AI เป็นหลักนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเวิร์กโฟลว์ของคุณได้อย่างมหาศาล

ผมเชื่อว่า AI-First Colab นี้จะเข้ามาเปลี่ยนเส้นทางการเขียนโค้ดและการทำงานด้าน Data Science ของพวกเราไปอย่างสิ้นเชิงครับ ลองคิดดูสิครับว่าการมีผู้ช่วย AI ที่เข้าใจบริบทการทำงานของเราอย่างลึกซึ้ง จะช่วยให้เราประหยัดเวลาและโฟกัสไปที่การแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างไรบ้าง !

Google จะเริ่มทยอยเปิดตัว Colab ใหม่นี้ให้กับผู้ใช้งานกลุ่มแรก ๆ ตั้งแต่วันนี้ และจะเพิ่มผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละสัปดาห์ ใครที่สนใจอยากลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่นี้ สามารถติดตามข่าวสารได้เลยนะครับ

ถ้าใครมีคำถาม หรืออยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับ Colab: AI-First Development หรือเรื่อง Google Cloud อื่น ๆ ทักมาคุยกันได้เลยนะครับ ผมและทีม Tangerine ยินดีให้คำปรึกษาเสมอครับ

ติดต่อ แทนเจอรีน ได้เลยที่ marketing@tangerine.co.th หรือโทร 094-999-4263

Get a Free Consultation
Contact Form_EN Sources (#25)